เซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และการฟื้นไข้หลังจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ผู้คนที่ติดเชื้อไวรัสส่วนมากจะมีอาการป่วยระดับอ่อนไปจนถึงระดับกลางและจะฟื้นตัวได้เองโดยที่ไม่ต้องรักษาตัวต่อเนื่องภายในโรงพยาบาล ซึ่งจะมีอาการส่วนใหญ่ได้แก่ การไอแห้ง เหนื่อยล้า และไข้ต่ำ คนไข้ที่ติดเชื้อและมีอาการระดับรุนแรงจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ Sars-Cov-2 นั้นจะมีปัญหารุนแรงในการหายใจ เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกเหมือนถูกกด รวมทั้งมีอาการเสียงหายหรือเคลื่อนไหวลำบาก การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด หรือที่เรียกว่า สเต็มเซลล์ (Stem Cells) นั้นแสดงให้เห็นว่าได้ผลที่น่าพึงพอใจ เมื่อการให้ยานั้นไม่ก่อประสิทธิภาพมากพอสมควรและเมื่อเวลาในแต่ละชั่วโมงที่เชื้ออยู่ในร่างกายนั้นแสดงถึงความเป็นความตายของคนไข้

เซลล์ต้นกำเนิดไม่ใช่ยา และเซลล์เหล่านี้เป็นเซลล์ของผู้ใหญ่ที่สามารถถูกตั้งโปรแกรมใหม่ให้ทำหน้าที่ได้ 5 จำพวกเพื่อเติบโตเป็นใหม่ต่างๆ ในร่างกายของเรา:

เซลล์ต้นกำเนิดคืออนาคตทางการแพทย์ที่ช่วยเสริมแรงให้แก่ร่างกายของคุณโดยจะไปแทนที่เซลล์ที่ตายแล้วหรือเซลล์ที่ถูกกำจัดให้หายไป โดยจะเติบโตกลับมาเป็นเซลล์ใหม่ที่คอยต่อสู้กับโรคร้ายและอาการเจ็บป่วยต่างๆ ให้แก่ร่างกายเรา

“พลังแห่งการเยียวยาตามธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนอยู่แล้วคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการรักษาสุขภาพของเราให้หายดี”

ฮิปพอคราทีส 

คนไข้แสดงอาการไม่เท่ากันในแต่ละรายที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และอัตราการหายก็แปรผันตามกันไปตามช่วงอายุ เชื้อชาติ การกินอาหาร และโรคประจำตัว การที่ตรวจไม่พบอาการพื้นฐานในช่วงแรกๆ นำไปสู่อัตราการเสียชีวิตที่สูงโดยเฉพาะบุคคลที่มีอายุเกิน 45 ปี ที่มีโรคมะเร็ง ไตเรื้อรัง หรือโรคปอด เบาหวาน และอาการผิดปรกติของหัวใจร่วมด้วย (https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/need-extra-precautions/people-with-medical-conditions.html)

เราสามารถทำอะไรได้บ้างสำหรับคนไข้ที่มีอาการรุนแรงจากโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส?

ประการแรกต้องคิดไว้เสมอว่าคนไข้ทุกรายที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสมีอาการที่แตกต่างกัน จึงไม่มีการรักษาแบบหนึ่งเดียวที่จะใช้ได้กับทุกคน แต่ต้องอาศัยการรักษาแบบบูรณาการหลากหลายวิธีการแตกต่างกันไป ซึ่งต้องใช้ยามาตรฐานต่างๆ ตามที่ FDA ของแต่ละประเทศกำหนด รวมทั้งนโยบายการรักษาของประเทศ และคำวินิจฉัยของแพทย์แต่ละรายไป ซึ่งร้อยละ 98 ของคนไข้ที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจะได้รับการรักษาด้วยการให้ยาฆ่าเชื้อ (antibiotics) ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกที่ถูกเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อลดปริมาณของตัวไวรัสลงให้มากที่สุด

(https://www.cidrap.umn.edu/news-perspective/2021/03/study-adds-more-evidence-antibiotic-overuse-covid-19-patients)

การพัฒนาทางด้านเซลล์ต้นกำเนิดไม่เพียงแต่ช่วยลดอัตราการเพิ่มจำนวนของไวรัสในร่างกาย (โดยเฉพาะในปอดและไต) แต่ยังช่วยสร้างส่วนที่เคยถูกทำลายไปโดยเชื้อไวรัสโคโรนาด้วย งานวิจัยล่าสุดชิ้นหนึ่งเผยว่า เซลล์ต้นกำเนิดประเภท MSC (Mesenchymal Stem cells) มีประโยชน์ดังกล่าวมาก (https://www.covid19treatmentguidelines.nih.gov/cell-based-therapy) และอีกงานวิจัยหนึ่งจาก University of Miami Miller School of Medicine ชี้ว่าคนไข้มีอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 100 สำหรับคนไข้อายุต่างๆ กันไปจนถึงอายุสูงสุด 85 ปี (https://stemcellsjournals.onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/sctm.20-0472

เซลล์เหล่านี้มักได้รับการเรียกขานว่าเป็นวัตถุดิบของร่างกาย และได้รับความนิยมในการนำมาช่วยรักษาในทางการแพทย์กันมากขึ้น แล้วจะมีบทบาทในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาด้วยหรือไม่? นักวิจัยทางการแพทย์หลายคนได้รับทราบคำตอบแล้วว่า ‘เป็นไปได้’ 

อ้างอิง: CGNT America

เซลล์เหล่านี้ถูกผลิตขึ้นมาอย่างไร? และอะไรคือแหล่งกำเนิดต้นทาง?

  • ที่ Cell La Vie เราผลิตเซลล์จากตัวอย่างเลือด หรือจากเนื้อเยื่อสายสะดือ (umbilical cord (UC)) จาก Class 100 Lab ของเรา เราใช้เฉพาะเซลล์ผู้ใหญ่ที่โตแล้วเท่านั้น ไม่มีการใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากทารกตัวอ่อนหรือ embryonic cells แต่อย่างไร

ผลกระทบต่อเนื่องมีอะไรบ้าง?

  • จากการทดสอบจากห้องปฏิบัติการล่าสุดและประสบการณ์ของเรายังไม่พบผลข้างเคียงใดๆ 

อัตราความสำเร็จของการฟื้นตัวจากอาการรุนแรงจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสเป็นอย่างไร?

อัตราความสำเร็จอยู่ในระดับสูงในการทดสอบห้องปฏิบัติการ โดยอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 90-100 ในการศึกษาแบบบสุ่ม

คุณจะแนะนำอย่างไร?

คนไข้ทุกคนสามารถที่จะเลือกทางเลือกของตนเองได้ หากคนไข้ตัดสินใจที่จะรับการรักษาด้วยวิธีเซลล์บำบัด (MSC) ก็สามารถทำได้ เพราะเวลาไม่เคยรอใครโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วงของการที่มีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวเป็นเวลานานๆ 

Share this post

Comment (1)

  • Dennis

    very informative, thank you

    July 4, 2021 at 12:55 pm

Leave a Reply


Top